ฟอร์ติเน็ตเปิดตัว FortiGate 4400F เป็น Hyperscale Firewall ตัวแรกของโลก
ฟอร์ติเน็ตผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบอัตโนมัติและครบวงจรประกาศเปิดตัวไฟร์วอลล์ระดับไฮเปอร์สเกลตัวแรกของโลก “FortiGate 4400F” ซึ่งเป็นการสร้างดัชนีใหม่สำหรับการจัด Security Compute Ratings เพื่อมอบประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดและความปลอดภัยที่เหนือชั้นในเครื่องเดียว เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น อุปกรณ์ FortiGate 4400F ใช้โปรเซสเซอร์เครือข่ายรุ่นที่เจ็ด (Network Processor 7: NP7) ล่าสุดของฟอร์ติเน็ตเพื่อรองรับงานระดับผู้ให้บริการขนาดใหญ่ ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลและเครือข่าย 5G
ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์สเกล ต้องการความปลอดภัยแบบไฮเปอร์สเกล
ในปัจจุบันนี้ องค์กรที่พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลส่วนใหญ่มักมีปริมาณข้อมูลที่ใช้งานมากขึ้นแต่ไม่สามารถประมาณการณ์ความต้องการล่วงหน้าได้ ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพของโซลูชันความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ ระบบการรักษาความปลอดภัยจึงกลายเป็นจุดสำคัญของการรับ-ส่งข้อมูลเข้าและออกจากศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจำนวนมากได้รับความกดดันจากความจำเป็นทางธุรกิจมากกว่า จึงยอมลดการทำงานของอุปกรณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยลง นอกจากนี้ การรับ-ส่งข้อมูลที่ไหลเข้าและออกจากเครือข่ายขององค์กรได้อย่างอิสระโดยมีกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่ต่ำจะเป็นการเปิดองค์กรให้มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจจะทำลายชื่อเสียงของแบรนด์อย่างรุนแรงและทำให้องค์กรสูญเสียรายได้เนื่องจากการหยุดทำงานเป็นเวลานาน
หลายองค์กรประสบความสำเร็จในการปรับใช้สถาปัตยกรรมเครือข่ายให้เป็นระดับไฮเปอร์สเกล แต่การจัดการความปลอดภัยระดับไฮเปอร์สเกลถือเป็นความท้าทายที่สำคัญเช่นกัน ในปัจจุบัน ผู้ขายบางรายอ้างว่าใช้การรักษาความปลอดภัยระดับไฮเปอร์สเกลผ่านไฟร์วอลล์หลายตัวที่รวมเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้สถาปัตยกรรมระดับไฮเปอร์สเกลนั้น มีการพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นโซลูชั่นที่ยุ่งยากและมีราคาแพง ทั้งนี้ ฟอร์ติเน็ตจึงได้พัฒนา FortiGate 4400F ที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์เครือข่าย NP7 กุญแจสำคัญที่ช่วยเร่งความเร็วการทำงานของฮาร์ดแวร์ในด้านความปลอดภัยต่างๆ ส่งให้เป็นอุปกรณ์แบบรวมเบ็ดเสร็จรุ่นแรกที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและขนาดที่สอดคล้องกับการเติบโตของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลในปัจจุบัน
FortiGate 4400F รองรับกรณีการใช้งานต่อไปนี้ได้เป็นอย่างดี:
- ธุรกิจ e-Retail ที่มีทราฟฟิคมาก: ช่วยให้ธุรกิจ e-Retail ที่มีการรับ-ส่งข้อมูลขนาดมหาศาลจากการทำธุรกรรมออนไลน์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าโดยรองรับการเชื่อมต่อหลายสิบล้านครั้งต่อวินาที ให้การรักษาความปลอดภัยระดับเลเยอร์ 4 ที่จำเป็น และป้องกันการโจมตี DDoS
- งานวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ๋: รองรับงานวิเคราะห์ข้อมูลสมัยใหม่รวมถึงการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมประเภท เช่น อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ที่มีการถ่ายโอนชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ชาวไอทีเรียกกันว่า “Elephant flows” ได้สูงสุดถึง 100Gbps ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่ต้องการการเข้ารหัสด้วยความเร็วสูง สามารถใช้ IPsec รองรับการข้อมูลทางอุโมงค์ IPsec ที่มีแบนด์วิดท์สูงได้
- สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการคลาวด์และองค์กรเอ็นเตอร์ไพร้ส์ขนาดใหญ่: ช่วยให้องค์กรเปิดบริการในรูปแบบที่คล่องตัวและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ตามที่องค์กรต้องการ ทั้งนี้ ด้วยเทคนิคการแบ่งกลุ่มตาม VXLAN ทำให้ FortiGate 4400F ให้การสื่อสารที่รวดเร็วขึ้นมากระหว่างกลุ่มบริการที่มีการปรับขนาดบ่อยครั้งอยู่เสมอ (เช่น การประมวลผล สตอเรจพื้นที่จัดเก็บ หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ) ที่โฮสต์ร่วมกันบนโดเมนจริงและเสมือน ทั้งนี้ FortiGate 4400F ใช้การรักษาความปลอดภัยชั้น 4 ที่จำเป็นหรือการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงระดับ 7 ในการปกป้องกลุ่มขนาดใหญ่เหล่านี้
เครือข่าย 5G ต้องการความปลอดภัยที่สามารถปรับขนาดได้
โลกแบบ Hyperconnected ในปัจจุบันที่มีการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับอุปกรณ์ และอุปกรณ์ต่ออุปกรณ์ ซึ่งทำให้ต้องการความปลอดภัยในปริมาณที่มาก โดยเฉพาะในช่วงการปรับเปลี่ยนจาก 4G ไปเป็น 5G จะมีความต้องการเหล่านี้มากและหลากหลายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากทีมปฏิบัติการเครือข่ายต้องมั่นใจทั้งในแง่ความปลอดภัยและความต่อเนื่องทางธุรกิจในพร้อมๆ กัน โซลูชันส่วนใหญ่จะไม่สามารถรองรับปัญหาความขาดแคลน IPv4 address รวมทั้งความต้องการใช้แบนด์วิดท์ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มจำนวนของอุโมงค์ที่ถูกเข้ารหัสซึ่งเชื่อมต่อไปยังโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่งผลให้ผู้ให้บริการไม่สามารถรองรับลูกค้าจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
FortiGate 4400F จึงได้รับการพัฒนาให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยมีคุณสมบัติอันโดดเด่น ดังนี้:
- การแปลงที่อยู่เครือข่ายในระดับผู้ให้บริการ (Carrier-grade network address translation: CGNAT) เพื่อใช้งานเครือข่ายการจัดส่งแพ็คเก็ตความเร็วสูง (Packet Delivery Network: PDN) ในขณะที่ยังให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่รวดเร็วด้วยอัตราการสร้างเซสชันของผู้ใช้งานที่มีความเร็วสูง มีค่าความหน่วงต่ำ และสามารถบันทึกช่วยสำหรับการตรวจสอบและควบคุมโดยใช้ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม
- ขยายสเกลของ Security Gateway (SecGW) ที่มีอยู่ในเครือข่ายเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 4G และ 5G เพื่อควบคุมส่วน Radio Access Network (RAN) ซึ่งจะช่วยผู้ให้บริการสามารถสร้างเครือข่ายที่รองรับปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ได้ตามต้องการ ซึ่งจะเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงสุด
- รองรับบริการเสริมมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ ที่ผู้ให้บริการสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความแตกต่างของข้อเสนอให้กับลูกค้าของตนเอง อาทิ บริการควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็กๆ ด้วยเทคโนโลยีการกรอง URL
เปรียบเทียบ FortiGate 4400F กับคู่แข่ง
ด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างซีรีส์ FortiGate 4400F กับไฟร์วอลล์อันดับต้นๆ ในตลาด โดยใช้เกณฑ์มาตรฐาน Security Compute Rating (ตัวคูณประสิทธิภาพ) ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ FortiGate Network Firewall กับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์คู่แข่งในหมวดหมู่ต่างๆ ที่อยู่ในช่วงราคาเดียวกัน
1 Target values – ใช้ไลเซนส์ประเภท Hyperscale
2 PAN: คำนวณด้วการ์ด 1-NPC (100G-NPC) cards ไม่รวมบริการและการสนับสนุน
3 Juniper: SRX5400E-B2-AC
ตารางเปรียบเทียบแสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า FortiGate 4400F มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดในอุตสาหกรรมด้วย Security Compute Ratings ที่ดีกว่าคู่แข่งถึง 13 เท่า และด้วยเหตุนี้ องค์กรต่างๆ จึงสามารถเพลิดเพลินกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลได้มากขึ้นโดยมีต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ต่ำ และยังมีทรัพยากรที่จะทำหน้าที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ภัยคุกคามที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Security-driven Networking
FortiGate 4400F ได้รับการพัฒนาโดยหลักการ Security-driven Networking ซึ่งใช้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ครบถ้วนทุกจุดขับเคลื่อนเครือข่าย และมารองรับการใช้งานของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์สเกลรวมทั้งเครือข่ายแบบกระจายที่ต้องการความปลอดภัยทุกที่และปรับขนาดอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้โซลูชันแบบ Security-driven Networking ไม่เพียงแต่เร็วกว่าและขยายได้คล่องตัวกว่าคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังคุ้มค่ากว่ามาก สามารถให้อัตราส่วนของราคา/ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมในอุปกรณ์เดียว และมีต้นทุนที่ต่ำลงจากการที่ใช้พื้นที่แรคน้อยลง ใช้พลังงานน้อยลงและใช้ระบบระบายความร้อนที่น้อยลง นอกจากนี้ ด้วยความสามารถของระบบ Fabric Management Center และระบบปฏิบัติการ FortiOS ของฟอร์ติเน็ตทำให้การจัดการให้การทำงานทั้งหมดเป็นไปโดยอัตโนมัติและประสานสอดคล้องกัน ฟอร์ติเน็ตยังคงเป็นผู้สนับสนุนนวัตกรรมของ Open APIs และมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการริเริ่มของอุตสาหกรรม เช่น OpenConfig โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอระบบอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงการให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์และง่ายดาย
FortiGate 4400F ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบบูรณาการผ่านซีเคียวริตี้แฟบริค ให้การรักษาความปลอดภัยแก่ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮบริด ดังต่อไปนี้:
- การป้องกันจากการโจมตีจากภัยที่รู้จักแล้วด้วยบริการ FortiGuard Labs ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ รวมถึงบริการระบบกรองเว็บและระบบป้องกันการบุกรุก
- การตรวจจับภัยคุกคามเชิงรุกใน Segmentation ที่ลูกค้าวางแผนไว้ พร้อมศักยภาพดีกว่าถึง 2 เท่าในตาราง Security Compute Rating
- มองเห็นภัยคุกคามอย่างสมบูรณ์และขจัดจุดบอดด้วยการตรวจสอบ SSL Inspection รวมถึง TLS 3 ที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่ง 6.5 เท่า
- การปกป้องแอปพลิเคชันและเซิร์ฟเวอร์ที่สำคัญทางธุรกิจด้วยการใช้แพทช์เสมือนโดยใช้ IPS รวมและให้ประสิทธิภาพสูง
คุณไมเคิล เจ แมคกลิน รองประธาน Global Security ที่ WWT กล่าวว่า “ไฟร์วอลล์ระดับไฮเอนด์ที่แตกต่างอย่างมากของฟอร์ติเน็ตช่วยให้เราสามารถมีเครือข่าย Security-driven networking ให้กับลูกค้าของเราเพื่อปกป้องระบบไอที แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ซึ่ง FortiGate 4400F เป็นโซลูชันการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงแบบหลอมรวมเบ็ดเสร็จที่สามารถใช้งานในระยะยาว ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อน อุปกรณ์ยังช่วยให้เราสามารถจัดหาโซลูชันการรักษาความปลอดภัยระดับไฮเปอร์สเกลที่มอบประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีเยี่ยมและช่วยให้ธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ๆ ที่สุดของเราเติบโตได้ดี”
คุณซุส เคราวาล่า ผู้ก่อตั้งและนักวิเคราะห์หลักของ ZK Research กล่าวว่า “การรักษาความปลอดภัยเป็นปัญหาสำหรับองค์กรที่มีความต้องการประสิทธิภาพการทำงานมากที่สุดมานานแล้ว ทำให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายหลายคนยอมลดการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งไปกับการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่รวดเร็ว ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แบบไฮเปอร์สเกลและเครือข่าย 5G มีความต้องการด้านความปลอดภัยที่ต้องปรับตามความต้องการของผู้ใช้และองค์กรได้รวดเร็วมากที่สุด ฟอร์ติเน็ตสามารถแสดงตัวเลขประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่าโซลูชันของคู่แข่ง ซึ่งสามารถช่วยให้องค์กรไฮเปอร์สเกลสามารถรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างชัดเจน”
คุณจอห์น แมดิสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และรองประธานอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์แห่งฟอร์ติเน็ต กล่าวว่า “ฟอร์ติเน็ตยังคงผลักดันการผสมผสานศักยภาพของความปลอดภัยและเครือข่ายที่เราเรียกกันว่า Security-driven Networking โดยผลงานการพัฒนา FortiGate 4400F Network Firewall นี้สามารถมอบประสิทธิภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่เทียบเคียงมากถึง 13 เท่า FortiGate 4400F เป็นไฟร์วอลล์สำหรับเครือข่ายเพียงตัวเดียวที่สามารถรักษาความปลอดภัยศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์และเครือข่าย 5G ได้ จึงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมตัวจริงที่สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้กับศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์”