October 6, 2024

NTT Security ประกาศขยายบริการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงมาสู่ประเทศไทย

NTT Security บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศของ NTT Group ได้ประกาศขยายการบริการเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อขยายกิจการเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของบริษัท โดยบริษัทใหม่นี้จะให้บริการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศแบบจัดการรวมศูนย์ (Managed Security Services – MSS) และบริการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศระดับมืออาชีพ (Professional Security Services) แบบพิเศษเฉพาะโดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามภัยระดับโลก (Global Threat Intelligence) และการวิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ขั้นสูง (Cyber Threat Advanced Analytics) ที่บริษัทได้สั่งสมมา ผ่านการดำเนินงานในระดับโลก สิ่งเหล่านี้จะช่วยมอบโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพและซับซ้อนให้กับบริษัทและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ในประเทศไทย รวมถึงบริษัทระดับโลกที่มีธุรกิจอยู่ในภูมิภาคนี้

NTTSecurity_Type_A_EN_RGB (1)

บริการต่าง ๆ นี้จะนำออกสู่ตลาดผ่านบริษัทในเครือ NTT Group ได้แก่ Dimension Data, NTT Communications และ NTT DATA ซึ่งประกอบเป็นส่วนหนึ่งของชุดบริการแบบผสมผสานทีจะรับรองความสำเร็จของการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง ไปสู่ระบบดิจิทัลของลูกค้า

“บริการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศแบบจัดการรวมศูนย์รวมทั้งนักวิเคราะห์ด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศที่มีความเชี่ยวชาญและแพลตฟอร์มการวิเคราะห์เอกสิทธิของบริษัทที่สนับสนุนโดยข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามภัยระดับโลก ทั้งหมดนี้มอบความสามารถในการตรวจจับและไล่ล่าภัยคุกคามให้กับลูกค้าของ NTT มาแล้วทั่วโลก เรายินดีที่ได้ขยายการให้บริการการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศขั้นสูงของเรามายังประเทศไทย ทั้งนี้ NTT Security และบริษัทต่างๆ ในเครือ NTT Group จะมอบความมั่นคงทางไซเบอร์ เพื่อรับรองว่าองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย” Jun Sawada CEO ของ NTT Security กล่าว

Martin Schlatter ซึ่งดำรงตำแหน่ง CIO และ CEO ประจำภูมิภาคของ NTT Security ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าวเสริมว่า “เศรษฐกิจของประเทศไทยมีศักยภาพสูงมีขนาด GDP ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย และอยู่ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียนโดยคาดการณ์ว่า GDP ประจำปีจะเติบโตอยู่ที่ 3.329% ในปี 2018 (และ 3.357% ในปี 2019) ประเทศไทยมีชื่อเสียงโดดเด่นทั่วโลกเกี่ยวกับการเติบโตในภาคธุรกิจการผลิตและการส่งออกสินค้าและการบริการในกลุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตที่เพิ่มมูลค่าสูงและอุตสาหกรรมการบริการที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม การเติบโตเช่นนี้ย่อมเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์ แบบเจาะจงเป้าหมายที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ผลิต ซึ่งในทางกลับกันเหตุการณ์เช่นนี้ได้ก่อให้เกิดความต้องการบริการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ จากบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศอย่าง NTT Security”

รายงานข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามภัยระดับโลก (Global Threat Intelligence Report – GTIR) ของ NTT Security เปิดเผยว่า ภาคการผลิตติดอันดับหนึ่งใน 3 ของอุตสาหกรรมที่มักตกเป็นเป้าโจมตีใน 5 จาก 6 ทวีป แค่ในเอเชียเพียงอย่างเดียว ภาคการผลิตก็เป็นอุตสาหกรรมที่ตกเป็นเป้าโจมตีสูงสุดอันดับที่ 2 (32%) ตามหลังภาคธุรกิจการเงินมาติดๆ ดังนั้น ภูมิภาคนี้รับรู้ถึงผลกระทบของการมีความสามารถด้านการผลติ อย่างมีนัยสำคัญ และเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยไม่มีภูมิคุ้มกันจากการโจมตี และต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่างๆ มากมายไม่ต่างกัน

จากข้อมูลของศูนย์ข่าวกรองด้านภัยคุกคามระดับโลก (Global Threat Intelligence Center – GTIC) ของ NTT Security ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 19 ในการเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์คำสั่งและควบคุมที่ส่งคำสั่งไปยังบอตเน็ตจากระยะไกล โดยมีบอตเน็ตมากกว่า 9% จากบอตเน็ตทั้งหมด พยายามติดต่อกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย อันที่จริงเอเชียมีส่วนสำคัญต่อกรณีบอตเน็ต Mirai ที่ใช้ในการโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (Distributed Denial-of-Service – DDoS) ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง

Schlatter กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจในเอเชียไม่ได้รักษาความปลอดภัยให้กับเครื่องลูกข่ายอย่างเพียงพอในสเกลใหญ่ๆ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาชญากรไซเบอร์กำลังมองหาทางใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ ดังนั้นการใช้โซลูชันรักษาความปลอดภัยระบบและนำมาปรับใช้ในทุกระดับของธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หากการรักษาความปลอดภัยถูกลดทอนลงไป อุปกรณ์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีนั้นอาจถูกขึ้นบัญชีดำสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กร และสูญเสียความสามารถที่จะทำงานในออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะศูนย์กลางด้านความเป็นเลิศ NTT Security มุ่งมั่นที่จะลงทุนในการสร้างนวัตกรรมแห่งการบริการด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศเสมอม า และจะขยายความครอบคลุมของบริษัทอย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับบริษัทในเครือ NTT Group พร้อมกับปรับปรุงความแข็งแกร่งด้านข่าวกรองภัยคุกคามระดับโลก และการวิเคราะห์ขั้นสูง โดยประสานความร่วมมือกับ NTT R&D และกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีต่างๆ