ที่ปรึกษาหุ่นยนต์ เทคโนโลยี AI ที่กำลังมาแรง
ที่ปรึกษาทางการเงินอัตโนมัติ หรือ “ที่ปรึกษาหุ่นยนต์” กำลังจะมาเขย่าตลาดการบริหารความมั่งคั่งโดยมีเป้าหมายพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมในอนาคต
ที่ปรึกษาหุ่นยนต์เป็นแพลตฟอร์มด้านการบริหารความมั่งคั่งที่ทำงานผ่านเว็บ หรือบนอุปกรณ์มือถือที่ให้บริการด้านการลงทุนอัตโนมัติซึ่งใช้อัลกอริธึมในการทำงาน
ด้วยการประเมินอายุ การรับความเสี่ยง รายได้ ระยะเวลาในการลงทุน เงินออม และทรัพย์สินของผู้ใช้บริการ ที่ปรึกษาหุ่นยนต์สามารถจัดพอร์ตการลงทุนของพวกเขาให้ตรงตามความต้องการของพวกโดยใช้อัลกอริธึมที่ชาญฉลาด และดูแลหลังการซื้อขาย ปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล และทำให้ได้รับประโยชน์ด้านภาษีสูงสุด
ด้วยพอร์ตการลงทุนโดยทั่วไปจะเน้นไปที่กองทุนรวม อีทีเอฟ และเงินฝาก (สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบความเสี่ยง) และนำเสนอเฉพาะคำแนะนำทั่วไป ปัจจุบันที่ปรึกษาหุ่นยนต์ให้ประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่ :
* ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า: มักจะไม่มีค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายน้อยมากในช่วงระยะเริ่มต้นใช้งาน จากนั้นก็จะมีการคิดค่าบริการที่ร้อยละ 0.25 ถึง 1 ของจำนวนสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การดูแล เมื่อเทียบกับอัตราค่าบริการเริ่มต้นจากผู้จัดการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบเดิมจะอยู่ที่ร้อยละ 1 ถึง 3
* ความสามารถในการเข้าถึง: ลูกค้าจะใช้บริการที่ปรึกษาหุ่นยนต์ได้โดยใช้สินทรัพย์ในการลงทุนที่น้อยกว่า ในขณะที่ผู้จัดการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบเดิมมีเกณฑ์ขั้นต่ำในการลงทุนที่สูงกว่า
* ระบบอัตโนมัติ: กลยุทธ์การลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และการปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลได้อย่างชาญฉลาดช่วยรักษาระดับความเสี่ยงให้เป็นไปตามเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
* เข้าถึงได้ตลอดเวลา: ผู้ใช้บริการสามารถควบคุม และเข้าถึงระบบผ่านทางอุปกรณ์พกพา หรือเว็บบราวเซอร์ได้ตลอดเวลา
โมเดลทางธุรกิจซึ่งเป็นจุดแข็งที่แท้จริงของที่ปรึกษาหุ่นยนต์ก็คือ ความสามารถในการเข้าถึง และความสามารถในการปรับขนาดของระบบ อย่างไรก็ตาม ระบบเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดในด้านการรองรับการใช้งานส่วนบุคคล และอารมณ์ที่บางครั้งมีความสำคัญกับการให้คำปรึกษาทางการเงิน
ที่ปรึกษาหุ่นยนต์เติบโตอย่างรวดเร็ว
จากการเปิดเผยของ CB Insights เมื่อปีที่ผ่านเฉพาะในสหรัฐอเมริกามีบริษัทให้คำปรึกษาด้วยหุ่นยนต์ระดมทุนเพิ่มขึ้นถึง 290 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในระยะเวลาเพียง 3 ปี Wealthfront สามารถดูแลสินทรัพย์ในการลงทุนของลูกค้าสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ Betterment มีมากกว่า 70,000 ราย
บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากคนที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังมาจากคนระดับหัวกระทิในแวดวงตลาดหุ้นวอลล์สตรีทด้วย ตัวอย่างเช่น Burton Malkiel หัวหน้าผู้บริหารด้านการลงทุนของ WealthFront ที่เป็นผู้เขียนหนังสือด้านการลงทุนดัชนีหุ้นสุดคลาสสิกอย่าง A Random Walk Down Wall Street
ซึ่งนี้จะทำให้ลูกค้ามั่นใจว่านอกเหนือจากอัลกอริทึมยังจะได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และมีความรู้
ตามเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐของ ที่ปรึกษาหุ่นยนต์รายใหญ่ๆ มีสินทรัพย์ด้านการลงทุนภายใต้การดูแลรวมทั้งสิ้น 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 255 พันล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019
แม้ว่าจะเป็นตัวเลที่น่าประทับใจ แต่ก็มากมากพอที่จะพลิกโฉมตลาดการบริหารความมั่งคั่งได้อย่างแท้จริง
ดูจากตัวเลขเฉพาะในตลาดของสหรัฐที่ที่ปรึกษาหุ่นยนต์ดูแลสินทรัพย์การลงทุนที่ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐดูเหมือนจะไม่มากพอที่จะเป็นภัยคุกคามตลาดได้เมื่อเทียบกับสินทรัพย์มูลค่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่ Vanguard ดูแลอยู่
Aite Group เปิดเผยว่ามูลค่าตลาดที่ปรึกษาด้านการบริหารความมั่งคั่งโดยรวมของคาดว่าจะอยู่ที่ 17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตามยักษ์ใหญ่ในวอลล์สตรีทต่างตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และมีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันในการรับมือกับการคุกคามของที่ปรึกษาหุ่นยนต์
บางบริษัทได้รับการยอมรับความท้าทาย และมีการลงทุนในการสร้างเครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายกัน อย่าง Charles Schwab กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองที่เรียกว่า Schwab Intelligent Portfolios ในขณะที่ Vanguard ก็กำลังทำงานในลักษณะเดียวกัน
ส่วนสถาบันการเงินอื่นๆ ได้ตัดสินใจเข้าร่วมสนับสนุนที่ปรึกษาหุ่นยนต์ อย่าง Citi Ventures ของซิตี้กรุ๊ปได้เข้าไปลงทุนใน Betterment ส่วน JP Morgan Chase และGoldman Sachs ได้ใช้เงินสดลงทุนใน Motif
ยังมีการนำกลยุทธ์ทางเลือกอื่นๆ มาใช้ด้วย อย่าง Fidelity ซึ่งตัดสินใจเป็นพันธมิตรโดยตรงกับ Betterment และ Bank of America Merril Lynch กำลังเร่งพัฒนาขีดความสามารถของที่ปรึกษาของตนเองโดยการให้ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Merril Clear ซึ่งเป็นแอพบน iPad เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น
ระบบอัตโนมัติในออสเตรเลีย
ขณะเดียวกันในออสเตรเลียจากรายงานฉบับล่าสุดของรัฐบาลพบว่าร้อยละ 42 ของคนออสเตรเลียไม่เคยใช้การวางแผนทางการเงิน และเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเข้าไม่ใช้บริการดังกล่าวก็คือ “ราคา” แม้ว่าปัจจุบันจะมีการให้คำปรึกษาทางการเงินในราคาที่ถูกลง แต่ก็ยังมีอยู่ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในระยะเริ่มธุรกิจ
อย่างเช่น InvestSMART ที่เปิดตัวบริการที่ปรึกษาหุ่นยนต์ก็หวังว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการผ่านเว็บเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ StockSpot ซึ่งเป็นเพียงรายเดียวเปิดตัวในปีที่ผ่านมา และได้เพิ่มวงเงินลงทุนโดยไม่เสียค่าบริการเป็น 1,000 เหรียญออสเตรเลีย และไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการในระยะ 12 เดือนแรก
ต้องยกความดีให้กับบริษัทฟินเทคที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเพิ่มขึ้น และเงินทุนสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โซลูชั่นในปัจจุบันจะได้รับปรับปรุงให้ดีขึ้น และมีโซลูชั่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น
ขณะที่สถาบันการเงินใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีความสนใจในการเข้าไปมีส่วนร่วมในสภาพแวดล้อมของธุรกิจสตาร์ทออัพที่กำลังเติบโต
อย่างเช่น Westpac และ St George ที่ให้เงินทุน และสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์การสนับสนุนด้าน ส่วน ANZ และ AMP เป็นพันธมิตรหลักของบริษัทสตาร์อัพที่มุ่งเน้นฟินเทครายใหม่ในซิดนี่ย์ ขณะที่ CBA มีห้องแล็ปนวัตกรรมเป็นของตัวเอง
นักวางแผนทางการเงินหนาว
นอกจากนี้ความจริงที่แสดงให้เห็นว่าที่ปรึกษาหุ่นยนต์กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นก็คือการที่สมาคมการวางแผนทางการเงินมีความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบของที่ปรึกษาหุ่นยนต์ในเอกสารที่ส่งถึงกระทรวงการคลังที่อ้างว่ากระบวนการลงทุนแบบอัตโนมัติอาจทำให้เกิดความเสี่ยงแก่ผู้บริโภค
นอกจากนี้นักวางแผนทางการเงินยังกังวลว่านอกเหนือจากเป้าหมายที่เป็นคนหนุ่นสาว และผู้เริ่มต้นใช้งานใหม่ โซลูชั่นเหล่านี้อาจขยายวงออกไปยังกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ด้วย
ความจริงก็คือจากข้อมูลของ Automated Investment Advisers Global Market Review พบว่าที่ปรึกษาหุ่นยนต์ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมของผู้ใช้วัยหนุ่มสาวที่ชื่นชอบเทคโนโลยี และใช้เงินลงทุนไม่มากนักเท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มีอายุ 60 ขึ้นไปด้วย เพราะความโปร่งใสของระบบที่ดีขึ้น และควบคุมได้มากขึ้น ในขณะเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่า
แม้ว่าการปฏิวัติที่ปรึกษาหุ่นยนต์ในออสเตรเลียยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้น และเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าจะมีบริษัทสตาร์อัพรายเล็ก หรือหรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มที่ได้รับความสนใจมากพอที่จะชิ่งส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างชัดเจน และยังมีผู้เล่นจากต่างประเทศที่เล็งเป้ามาที่ออสเตรเลียอีกด้วย