November 24, 2024

เจาะลึกเทคนิคการตลาด Cross Targeting บน LINE ผ่านเครื่องมือใหม่ BUSINESS MANAGER ที่นักการตลาดต้องรู้!

วันนี้นักการตลาดต่างมองหากลยุทธ์และวิธีการที่จะทำให้แบรนด์ของตนเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มและมีประสิทธิภาพมากที่สุด หนึ่งในกลยุทธ์ที่นักการตลาดรู้จักกันดี คือการทำ Cross Targeting การแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายข้ามแพลตฟอร์มหรือข้ามช่องทาง เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาหรือการทำแคมเปญสื่อสารได้อย่างครอบคลุม ตรงกลุ่ม

และมีประสิทธิภาพ LINE แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจไทย เดินหน้าสู่การใช้ดาต้าทำการตลาดแบบ Cross Targeting ด้วยการปล่อยเครื่องมือใหม่อย่าง BUSINESS MANAGER ออกมาในช่วงปีที่ผ่านมา

BUSINESS MANAGER คือดาต้าโซลูชั่นบนแพลตฟอร์ม LINE ที่พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดการ แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกิดขึ้นจาก 3 เครื่องมือยอดนิยมบน LINE ช่วยให้แบรนด์สามารถจำแนก สร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับแคมเปญการตลาดโดยใช้ดาต้าที่ได้มาจาก 3 ช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นคือ LINE Official Account หรือ LINE OA ช่องทางหลักในการสื่อสารทำการตลาดสำหรับแบรนด์บนโลกออนไลน์ LINE Ads โซลูชั่นสำหรับการยิงโฆษณาบนพื้นที่ตำแหน่งต่างๆ ใน LINE Ecosystem และ Smart Channel Ads โฆษณาในตำแหน่งยอดฮิตทำเลทอง ด้านบนสุดของหน้ารายการแชทในแอปฯ LINE

โดยก่อนหน้านี้ นักการตลาดสามารถทำ Cross Targeting แลกเปลี่ยนข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย (Target audience) ระหว่าง LINE OA และ LINE Ads ได้ หากแต่ถูกจำกัดให้สามารถแชร์ข้อมูลระหว่างหนึ่งบัญชี LINE OA ต่อหนึ่งบัญชี LINE Ads ได้เท่านั้น นับเป็นข้อจำกัดสำหรับแบรนด์ใหญ่ที่มี LINE OA หรือ LINE Ads หลายบัญชีมาโดยตลอด BUSINESS MANAGER จึงถือเป็นเครื่องมือที่มาช่วยปลดล็อคข้อจำกัดนี้ สร้างโอกาสครั้งใหญ่ให้นักการตลาดไทย สามารถทำ Cross Targeting บนแพลตฟอร์ม LINE ได้อย่างไร้ขีดจำกัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

ทั้งนี้ แบรนด์สามารถทำ Cross Targeting ผ่าน BUSINESS MANAGER ได้หลากหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามโจทย์หรือวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาดในแต่ละครั้ง โดยบทความนี้ จะชวนนักการตลาด ไปจนถึงแบรนด์ใหญ่ที่มี LINE OA และ/หรือ LINE Ads หลายบัญชีอยู่ในปัจจุบัน มาดูตัวอย่าง 6 รูปแบบการทำ Cross Targeting ผ่านเครื่องมือ BUSINESS MANAGER ที่น่าสนใจ พร้อมเป็นไอเดียตั้งต้นให้แบรนด์ได้นำไปประยุกต์ใช้ในการทำ Cross Targeting บน LINE ให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีกขั้น

(1)    นำฐานผู้ติดตาม LINE OA ของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B

สำหรับบริษัทหรือธุรกิจที่มีหลายแบรนด์ย่อย หรือสาขาย่อยอยู่ในสังกัด สามารถใช้ BUSINESS MANAGER มาเป็นตัวกลางในการแชร์ข้อมูลฐานผู้ติดตามบน LINE OA ของแบรนด์หรือสาขา A ให้แบรนด์ B หรือสาขา B นำไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตเครื่องดื่ม สามารถนำเอาฐานผู้ติดตาม LINE OA ของแบรนด์น้ำผลไม้ (แบรนด์ A) มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ให้อีกแบรนด์ที่เป็นแบรนด์น้ำอัดลม (แบรนด์ B) เพื่อแนะนำสินค้าใหม่ของแบรนด์ B อย่างน้ำอัดลมกลิ่นผลไม้ได้ เป็นต้น ถือเป็นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายสำหรับโฆษณาของแบรนด์ B ให้ครอบคลุมขึ้น โดยยังคงอาศัยข้อมูลจากภายในองค์กรเดียวกัน จากการทดสอบของ LINE ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีการทำ Cross Targeting ในรูปแบบนี้ พบว่ามี CTR เพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่า

(2)    นำกลุ่มเป้าหมายที่คลิกข้อความบน LINE OA ของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B

ยกตัวอย่างธุรกิจบิวตี้ ซึ่งอาจมี LINE OA แยกย่อยตามประเภทสินค้าในเครือ อาทิ LINE OA ของสินค้าสกินแคร์ (แบรนด์ A) และ LINE OA ของสินค้าน้ำหอม (แบรนด์ B) โดยแบรนด์ B สามารถนำข้อมูลกลุ่มเป้าหมายคนทีเคยคลิกข้อความหรือภาพจากการบรอดแคสต์บน LINE OA ของแบรนด์ A มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาเพื่อแนะนำสินค้าน้ำหอมตัวใหม่ เป็นต้น โดยการนำกลุ่มเป้าหมายทีเคยคลิกข้อความหรือภาพสินค้าที่สะท้อนความสนใจที่ใกล้เคียงกันเช่นนี้ ย่อมมีแนวโน้มที่จะให้ประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาที่สูงกว่า 

(3)    นำกลุ่มเป้าหมายที่คลิกโฆษณาของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B

ไม่เพียงการแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่คลิกข้อความหรือภาพจากการบรอดแคสต์ใน LINE OA เท่านั้น ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่คลิกภาพจากโฆษณาของแบรนด์ A ผ่าน LINE Ads ก็สามารถถูกแชร์ไปให้แบรนด์ B นำไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้เช่นกัน ทำให้แบรนด์ B ได้ฐานข้อมูลที่กว้างขึ้น ไม่ใช่เพียงผู้ติดตามจาก LINE OA เพียงอย่างเดียว

(4)    นำกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B

การแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายผ่าน BUSINESS MANAGERยังสามารถนำเอาข้อมูลลูกค้าจากการติด LINE Tag ได้ด้วย แบรนด์สามารถนำเอากลุ่มเป้าหมายที่ LINE Tag แสดงผลว่าเคยคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของแบรนด์ A จากการคลิกโฆษณา มาใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้อีกแบรนด์หนึ่งได้ รวมไปถึงนำกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นไปสร้างกลุ่มเป้าหมาย Lookalike เพื่อขยายฐานลูกค้าได้อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีแบรนด์ใหญ่ที่มีบัญชี LINE OA หรือบัญชี LINE Ads หลายบัญชี และมีเอเจนซี่มากกว่าหนึ่งเจ้าแบ่งกันดูแลการตลาดบน LINE แยกวัตถุประสงค์กัน ก็สามารถทำ Cross Targeting ร่วมกันได้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์สามารถเลือกแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เคยคลิกเข้าชมเว็บไซต์ผ่านโฆษณาจากบัญชี LINE Ads ‘A’ ซึ่งดูแลโดยเอเจนซี่เจ้าแรกที่รับผิดชอบส่วนสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้บัญชี LINE Ads ‘B’ ซึ่งดูแลโดยเอเจนซี่อีกเจ้าที่ดูแลในส่วนอีคอมเมิร์ซ นำไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณา ด้วยโปรโมชั่นกระตุ้นการซื้อเพื่อปิดการขายสินค้านั้นได้ในที่สุด เป็นต้น

(5)    นำข้อมูลที่เก็บจากลูกค้าโดยตรงของแบรนด์ A ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาให้แบรนด์ B

นอกจากนี้ แบรนด์ยังสามารถนำข้อมูลลูกค้าที่แบรนด์มีอยู่แล้ว จากการเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า หรือที่เรียกว่า 1st party data ไม่ว่าจะเป็น อีเมล์ User ID หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ได้จากการทำแบบสอบถามของแบรนด์ A ไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาของแบรนด์ B ได้ ทั้งนี้ เพื่อคลายความกังวลในเรื่องของ PDPA องค์กรซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลนั้นๆ สามารถอัปโหลดข้อมูลเข้า BUSINESS MANAGER เองได้โดยตรง พร้อมบริหารจัดการ ลบข้อมูลเองได้ ไปจนถึงสามารถเลือกบัญชี LINE OA หรือบัญชี LINE Ads โดยเฉพาะสำหรับการทำ Cross Targeting ในแต่ละครั้งเองได้ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลสู่เอเจนซี่ซึ่งเป็นองค์กรภายนอก

(6)    นำข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เคยเห็น/คลิกโฆษณา Smart Channel มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads

แบรนด์สามารถนำกลุ่มเป้าหมายที่เคยรับชม หรือเคยคลิกโฆษณาตำแหน่ง Smart Channel ไปเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้เช่นกัน โดยแบรนด์สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้เกี่ยวเนื่องหรือต่อเนื่องกัน เพื่อตอกย้ำการรับรู้ และกระตุ้นความสนใจด้วยตำแหน่งและเทคนิคที่ไม่ซ้ำซ้อน อีกทั้งยังทำให้แบรนด์ได้ฐานข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่กว้างและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยจากการทดสอบของ LINE การทำ Cross Targeting ด้วยเทคนิคนี้ จะช่วยเพิ่ม CTR ได้ถึง 5.7 เท่า และลดต้นทุน CPC ได้ถึง 40%

ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างความหลากหลายในการใช้งานเครื่องมือ BUSINESS MANAGER ทำแคมเปญการสื่อสาร  การตลาดแบบ Cross Targeting บนแพลตฟอร์ม LINE โดยผลการทดสอบจาก LINE พบว่า การทำ Cross Targeting สามารถเพิ่ม CTR ได้มากขึ้นถึง 46% ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่านักการตลาด ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ที่มีฐานข้อมูลมากมายจากหลากหลายช่องทางอยู่แล้ว ควรเดินหน้าสู่การทำ Cross Targeting บน LINE อย่างเต็มรูปแบบด้วย BUSINESS MANAGER เพื่อการเติบโตอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

แบรนด์ที่สนใจใช้งานเครื่องมือ BUSINESS MANAGER สามารถติดต่อเอเจนซี่ที่ดูแลแบรนด์ของท่านได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสามารถเลือกติดต่อเอเจนซี่พันธมิตรของ LINE ได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/partner ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BUSINESS MANAGER ได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/service/businessmanager