เจ เวนเจอร์ส ปักธง ปี 2566 สร้างการเติบโตจากธุรกิจดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชัน ตอกย้ำพร้อมเป็นผู้นำการทำ DX ด้วยโซลูชันแบบ End-to-end
เจ เวนเจอร์ส เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชันเพื่อองค์กร พร้อมขยายการใช้งาน นำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสู่พันธมิตร ร่วมด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้าน DX (Digital Transformation) เผยภาพรวมธุรกิจปี 2565 มีรายได้เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา 27 % ด้วยการสร้าง Jaymart Digital Transformation และ JFIN Chain
มองปี 2566 ขยายดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันสู่พันธมิตร ปักหมุดเติบโตจากการทำ Corporate Digital Transformation เร่งเครื่องสร้างการรับรู้ให้ตลาด ย้ำความเป็นผู้นำ ด้าน DX (Digital Transformation) ด้วยโซลูชันที่สมบูรณ์ สร้างอีโคซิสให้แข็งแกร่งเต็มกำลัง
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี และดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชัน ในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป (JMART) เปิดเผยว่า ธุรกิจของเจ เวนเจอร์สเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 บริษัททำรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 27% จาก 2 ส่วน ได้แก่ J-DX (Jaymart Digital Transformation) ซึ่งเป็นต้นฉบับของการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (Original DX) ในการสร้าง และปรับปรุงระบบต่าง ๆ ให้กับเจมาร์ท กรุ๊ป และการเติบโตอีกส่วนหนึ่งมาจากรายได้ของบล็อกเชน JFIN Chain ที่เริ่มนำมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ หลังจากเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา สำหรับในปี 2566 มองว่าเป็นปีแห่งการทำ Digital Transformation หรือ DX บริษัทได้วางแผนตั้งใจที่จะเติบโตด้วยการทำทรานส์ฟอร์มให้กับองค์กร (C-DX: Corporate Digital Transformation) โดยเร่งสร้างการรับรู้ให้ตลาดเข้าใจว่าการทำทรานส์ฟอร์เมชันในแบบ DX เป็นอย่างไร ในฐานะผู้นำในด้าน DX (Digital Transformation) เน้นย้ำด้วยการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยขับเคลื่อนอีโคซิสเต็มได้อย่างเต็มรูปแบบ
ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation (DX) มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กรในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าทุกองค์กรต่างตื่นตัวและพร้อมก้าวสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ในตลาดยังขาดผู้ที่จะมาให้บริการ เพื่อสร้าง DX ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยทุกคนกำลังมองหาว่ามีโซลูชันประเภทอะไรบ้าง และผู้ขายมีข้อเสนออะไร ซึ่งเจ เวนเจอร์สมีความเชื่อในเรื่องของบล็อกเชน และต้องการที่จะพัฒนาธุรกิจเป็นแนวทางใหม่ โดยร่วมพัฒนา dApps (Decentralized Application) บน JFIN Chain ซึ่งจะเป็นการร่วมสร้างโซลูชันที่สมบูรณ์ในการทำ DX (Digital Transformation) ได้ ขณะที่ธุรกิจด้าน Ventures Builder ปัจจุบันเจ เวนเจอร์สมีพันธมิตรที่เป็นกลุ่มเทค มาช่วยขับเคลื่อนเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มจำนวน 14 ราย ได้แก่ ทีทูพี พระอินทร์ ฟินเทค ดีพสปาร์คส์ Todaq Holding ซาโตชิ (KULAB) เจพีทูพี ฮับบา เค อินโนเวชัน โทเคไนน์ เซฟบีเอสซี SMILE MONEY เจดีเอ็น เอ็กซ์เชน เน็ตเวิร์ค Kogo Pay และ เอวานทิส แลบบอราทอรี (ประเทศไทย) ซึ่งในอนาคตมีแพลนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรอีกหลายรายเพื่อมาร่วมสร้าง DX (Digital Transformation) ให้เกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นขยายพันธมิตรใน 2 ด้าน ได้แก่ พันธมิตรด้านเทคนิค (Tech Partner) สร้างเทคโนโลยีและโซลูชันต่าง ๆ และพันธมิตรธุรกิจ (Business Partner) ที่เจ เวนเจอร์ส จะเข้าไปช่วยทำ DX (Digital Transformation) เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
นายธนวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เป้าหมายในปี 2566 ยังคงตอกย้ำจุดยืนของเจ เวนเจอร์ในการทำ DX ผู้นำเสนอโซลูชันที่สมบูรณ์ ครบทั้งแนวความคิด การวางกลยุทธ์ และการดำเนินการ ในมุมมองของเทคโนโลยีการทำ DX ตามสโลแกน We Make The Real Corporate Digital Transformation ว่าเรากำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่อองค์กรอย่างแท้จริง เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมา เราได้สร้างแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้มีเครื่องมือพร้อมในการ Make the Real DX นั่นคือ สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ เราจะทยอยเปิดตัวพาร์ทเนอร์ที่สำคัญ ทั้งพาร์ทเนอร์ธุรกิจ และพาร์ทเนอร์ทางด้านเทคนิค ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียงมานาน เพื่อจะมาร่วมมือกันทำ DX (Digital Transformation) ให้กับองค์กรในประเทศไทย รวมถึงเน้นไปยังการชวนพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ มาร่วมสร้าง dApps ใน JFIN Chain ด้วย”