“แซดทีอี” รับรองข้อตกลงเร่งการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า
แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกาศรับรองข้อตกลงเร่งการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า (Catalyzing Electrification Accord) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรพลังงานไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืนระดับโลก (GSEP) โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมสร้างสรรค์แนวทางนวัตกรรมในการเร่งการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อประโยชน์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างยั่งยืน
แซดทีอีสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวและมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกำจัดคาร์บอนและการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศทั่วโลก
GSEP เป็นพันธมิตรระดับโลกที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาด้านพลังงานทั่วโลกภายในกรอบการทำงานสากล ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านพลังงานที่ยั่งยืน ข้อตกลงเร่งการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการเจรจาแบบเปิดในเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า (Strategic Open Dialogue on Electrification หรือ SODE) ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกที่สร้างขึ้นโดย GSEP รวมไว้ซึ่ง 14 บริษัทวิสัยทัศน์กว้างไกลจากภาคพลังงาน ภาคผู้ใช้ปลายทาง (โทรคมนาคม การขนส่ง อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง) ตลอดจนพันธมิตรด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี
ข้อตกลงนี้ให้คำแนะนำและขั้นตอนการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม 5 ประการเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งการปรับใช้กรอบนโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมรูปแบบธุรกิจนวัตกรรมใหม่ ๆ ขับเคลื่อนการกระจายข้อมูลข้ามห่วงโซ่คุณค่า ทำให้การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาไว้ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลง
ในฐานะสมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) และโครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนระดับโลก (Global Enabling Sustainability Initiative หรือ GeSI) บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก และกำหนดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการของสหประชาชาติและแนวโน้มต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคม
ในการเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการลดจำนวนการปล่อยคาร์บอน แซดทีอี ในฐานะผู้เล่นหลักและผู้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาเป็นเวลากว่า 37 ปี ได้กรุยเส้นทางสีเขียวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการส่งเสริมการดำเนินงาน ซัพพลายเชน และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว เป้าหมายของแซดทีอีคือการบรรลุจุดสูงสุดของการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2573 และมีความเป็นกลางของคาร์บอนก่อนปี 2603 ตามลำดับ ผ่านปฏิบัติงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แซดทีอีทำงานร่วมกับพันธมิตร โดยยังคงสำรวจการใช้งาน 5G รูปแบบใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีโครงการแบบอย่างมากกว่า 60 โครงการทั่วโลก จากประสบการณ์อันยาวนานในด้านพลังงานการสื่อสาร บริษัทฯ ได้จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านพลังงานให้แก่ผู้ให้บริการ 386 รายในกว่า 160 ประเทศและภูมิภาค บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ไฟฟ้ากระแสตรงดีเด่นในภาคโทรคมนาคมโลก (Global Telecom DC Power Product Leadership Award) ประจำปี 2565 ในรายงานประเมินอุตสาหกรรมไฟฟ้ากระแสตรงภาคโทรคมนาคมจากบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกอย่างฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) ซึ่งยกให้เป็นโซลูชันพลังงานที่มีประสิทธิภาพ แยกส่วนได้ อัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน ธุรกิจพลังงานของแซดทีอีได้ขยายไปสู่อุตสาหกรรมพลังงานและการขนส่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยีอัจฉริยะดิจิทัลคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้แซดทีอีนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่าง ๆ เช่น การผลิตพลังงานสีเขียว การจัดเก็บพลังงานอัจฉริยะ การใช้พลังงานอัจฉริยะ การจัดการพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และอื่น ๆ ได้
บทบาทและผลงานที่โดดเด่นของแซดทีอีในการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรม โดยในปี 2565 ทั้งหุ้นระดับ A และ H ของแซดทีอีได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนองค์กรของฮั่งเส็ง นอกจากนี้ แซดทีอียังได้รับการเสนอชื่อให้ติดทำเนียบผู้ทรงอิทธิพลในสาขา ESG ของฟอร์จูน ไชน่า (Fortune China) ในปี 2565 อย่างเป็นทางการ ขณะที่บริษัทได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนต่อสาธารณชนเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2552
ในอนาคตข้างหน้า แซดทีอีจะยังคงปฏิบัติตามพันธกิจเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความชาญฉลาด โดยจะเพิ่มการวิจัยพลังงานใหม่ วัสดุใหม่ และอุปกรณ์ใหม่ โดยคาดว่าจะสร้างรากฐานทางเทคนิคที่มั่นคงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ ในขณะเดียวกัน บริษัทจะเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะเข้ากับอุตสาหกรรมการใช้พลังงานสูงแบบดั้งเดิม เพื่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับพันธมิตรในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน