“อัลฟาเวฟ ไอพี” เข้าซื้อกิจการ “โอเพนไฟว์” สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
อัลฟาเวฟ ไอพี กรุ๊ป พีแอลซี (Alphawave IP Group plc) (LSE: AWE) ผู้นำระดับโลกด้านการเชื่อมต่อความเร็วสูงสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีทั่วโลก มีความยินดีที่ได้ประกาศว่า การเข้าซื้อกิจการของบริษัทโอเพนไฟว์ (OpenFive) สำเร็จลุล่วงแล้ว
คุณโทนี พิอาลิส (Tony Pialis) ประธานและซีอีโอของอัลฟาเวฟ กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นก้าวที่สำคัญของอัลฟาเวฟ การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นแรงผลักดันให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการเชื่อมต่อชั้นแนวหน้าอย่างแท้จริง ซึ่งครอบคลุมถึงซิลิคอน ไอพี (Silicon IP) และโซลูชันซิลิคอนแบบกำหนดเองอย่างชิปเล็ต (Chiplet) เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทีมงานผู้มีความสามารถจากโอเพนไฟว์ รวมถึงลูกค้าและพันธมิตรทั้งหมด การผนึกกำลังกันของเราจะช่วยขยายขนาดบริษัทและเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญของเราในด้านซิลิคอนแบบกำหนดเอง นอกจากนั้นยังช่วยให้บริษัทพร้อมที่จะคว้าโอกาสการเติบโตในตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งกับโอกาสการเติบโตในระยะยาว”
คุณจอห์น ลอฟตัน โฮลต์ (John Lofton Holt) ประธานบริหารของอัลฟาเวฟ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทีมงานจากโอเพนไฟว์สู่อัลฟาเวฟ ผมขอขอบคุณความพยายามของทีมงานทั้งสองบริษัทที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการควบรวมกิจการครั้งนี้ โดยผ่านการรับรองตามระเบียบข้อบังคับทั้งหมด รวมถึงจากคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (CFIUS) เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อคว้าประโยชน์สูงสุดจากโอกาสการเติบโตมหาศาลที่รออยู่ข้างหน้า”
ไฮไลต์สำคัญ
อัลฟาเวฟเข้าซื้อกิจการของโอเพนไฟว์เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย โดยโอเพนไฟว์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเชื่อมต่อความเร็วสูงบนชิป (System-on-chip หรือ SoC) บริษัทมีทีมงานคุณภาพในอินเดียและซิลิคอนแวลลีย์ รวมถึงอีกหลายสถานที่ทั่วโลก ซึ่งให้บริการโซลูชันซิลิคอนแบบกำหนดเองมานานกว่า 15 ปี การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ช่วยขยายฐานลูกค้าทั่วโลกของอัลฟาเวฟได้อย่างมาก จากเดิม 28 แห่ง [1] เป็นมากกว่า 80 แห่ง โดยเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเออร์หน่วยความจำเซมิคอนดักเตอร์ระดับท็อป 2 ของโลก ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลประสิทธิภาพสูงระดับท็อป 3 ของโลก ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบอัตโนมัติชั้นนำ รวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์สื่อสารความเร็วสูงที่มีความสำคัญ
[1] ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565
- การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้จำนวนไอพีที่เน้นการเชื่อมต่อซึ่งอัลฟาเวฟนำเสนอให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 80 เป็นมากกว่า 155 รายการ และสามารถตอบสนองความต้องการด้านการเชื่อมต่อได้อย่างครบวงจรในที่เดียว ทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงระดับ 5nm, 4nm, 3nm และอื่น ๆ นอกจากนั้นยังครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อแบบ die-to-die ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการส่งมอบชิปเล็ตให้แก่ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
- ทีมพัฒนาซิลิคอนที่เชื่อถือได้ของโอเพนไฟว์ช่วยให้อัลฟาเวฟสามารถนำเสนอดาต้าเซ็นเตอร์ระดับเอดจ์ชั้นนำและโซลูชันซิลิคอนแบบกำหนดเองสำหรับเครือข่าย ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการออกแบบชิปเล็ต ซึ่งช่วยเร่งผลักดันเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของอัลฟาเวฟในการเพิ่มรายได้ ด้วยการสร้างรายได้จากการเชื่อมต่อไอพีชั้นนำ ไม่เพียงผ่านการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ไอพีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบและการส่งมอบซิลิคอนแบบกำหนดเองขั้นสูงด้วย
- การผสานรวมการเชื่อมต่อความเร็วสูงชั้นนำของอัลฟาเวฟเข้ากับผลิตภัณฑ์ไอพีของโอเพนไฟว์ คาดว่าจะช่วยเพิ่มพูนรายได้อย่างเป็นรูปธรรมผ่านการรวมกลุ่มของไอพีและระบบย่อยไอพีแบบบูรณาการ นอกจากนั้นยังได้ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเพื่อออกแบบซิลิคอนแบบกำหนดเองที่ซับซ้อนในโหนดกระบวนการเอดจ์ชั้นนำ
- ตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ธุรกรรมครั้งนี้จะเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) ให้กับอัลฟาเวฟทันที ส่วนรายได้ของบริษัทที่ควบรวมกันนี้ คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 325-360 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบการเงิน 2566 และคาดว่าจะสูงกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 32-36% ในปี 2566 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 40-45% ในปี 2568 เนื่องจากรายได้สูงเกิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ